ข้ามไปที่เนื้อหา
  1. หน้าแรก/
  2. แนวคิดการเลี้ยงลูกแบบบรีส/
  3. แนวคิดเลี้ยงลูก ยิ่งเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์/
  4. ปั้นลูกรักให้เป็นเชฟตัวน้อย กับประโยชน์มากมายของการพาลูกเข้าครัวด้วยกัน
ปั้นลูกรักให้เป็นเชฟตัวน้อย

ปั้นลูกรักให้เป็นเชฟตัวน้อย กับประโยชน์มากมายของการพาลูกเข้าครัวด้วยกัน

จังหวะสีฟ้า
ปั้นลูกรักให้เป็นเชฟตัวน้อย กับประโยชน์มากมายของการพาลูกเข้าครัวด้วยกัน

เห็นเชฟตัวน้อยในรายการ Masterchef Thailand ทำอาหารกันแล้วก็อดชื่นชมในความสามารถของเด็กๆ ที่ทำอาหารออกมาได้หน้าตาไม่ต่าง (และออกจะดีกว่า) ผู้ใหญ่อย่างเราทำด้วยซ้ำ และยังทึ่งในทักษะการใช้อุปกรณ์ครัว ที่ผู้ใหญ่อย่างเรามองดูแล้วก็อดจะคิดว่ามันอันตรายไม่ได้ แม่ๆ หลายบ้านที่ยังกล้าๆ กลัวๆ จะให้ลูกลองเข้าครัวทำอาหาร เพราะกลัวจะอันตราย เราอยากจะบอกว่า เด็กๆ สามารถเข้าครัวทำอาหารร่วมกับผู้ใหญ่ได้ แถมยังมีข้อดีมากมายเลยล่ะค่ะ มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

การเข้าครัวทำอาหาร คือการบริหาร EF

คุณพ่อคุณแม่คงเคยได้ยินคำศัพท์สำคัญประจำยุค อย่าง EF - Executive Functions ที่หมายถึงการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ ความคิด และการกระทำของมนุษย์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า การพัฒนา EF ให้ดีนั้น ส่งผลให้เด็กๆ เติบโตอย่างมั่นคง และพร้อมสำหรับโลกในศตวรรษที่ 21

การได้เข้าครัวทำอาหาร เด็กๆ จะได้จดจ่อมุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำ ตาและมือจะทำงานประสานกันจนเกิดเป็นสมาธิ ได้ฝึกตัดสินในการชั่งตวงเครื่องปรุง ระมัดระวังชั่งใจเมื่อต้องใช้เครื่องมือที่อันตรายอย่าง การหั่นด้วยมีด หรือจุดเตาไฟ ได้ฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และตัดสินใจหนักแน่น เพื่อทำให้อาหารจานนั้นสำเร็จออกมาได้ด้วยดี ทั้งหมดนั้นเป็นกระบวนการสร้าง EF ที่ยอดเยี่ยม ไม่ต่างจากการได้เล่นทราย หรือปีนป่ายต้นไม้

ไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่คือความรู้แบบบูรณาการ

เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เป็นความรู้ได้ ถ้าคุณแม่พาเด็กๆ เข้าครัวทำอาหาร ก็เป็นโอกาสดีที่จะสอดแทรกความรู้เรื่องต่างๆ เข้าไปในระหว่างที่ลงมือทำด้วยกัน เช่น คณิตศาสตร์กับเรื่องของหน่วย ชั่ง ตวง วัด และการคำนวณเครื่องปรุง, วิทยาศาตร์ของอุณหภูมิ จุดเดือด การระเหย การเปลี่ยนสถานะของสสาร, เรียนรู้ภาษาผ่านวัตถุดิบ และเครื่องปรุง และอาจจะต่อยอดไปถึงเรื่องของประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ว่าเครื่องปรุงเหล่านี้มาจากที่ไหน ผักนี้ขึ้นได้ดีในดินแบบไหน ฯลฯ เห็นไหมคะว่า ทั้งหมดคือการเรียนรู้ เพียงแค่คุณแม่ลองค่อยๆ เล่าให้เด็กๆ ฟังและทำให้มันเป็นเรื่องสนุก

ช่วยให้เด็กๆ เจริญอาหารมากขึ้น

การได้ลงมือทำอาหารเองในทุกขั้นตอน ได้เห็นว่าอาหารจานที่เด็กๆ จะได้กินนั้นทำมาจากอะไร ปรุงแบบไหน ได้ลุ้นเมื่อตอนผัด ตอนอบ ว่าเมื่อเสร็จแล้วหน้าตามันจะออกมาเป็นอย่างไร เหล่านี้จะทำให้เด็กๆ มีความตื่นเต้นและรอคอยจะได้ชิมอาหารฝีมือของตัวเอง แถมเด็กๆ ยังเกิดความภูมิใจในตัวเอง ที่ได้ทำอาหารจานหนึ่งสำเร็จได้ด้วยล่ะค่ะ

เห็นประโยชน์ของการให้เด็กๆ ทำอาหารแบบนี้แล้ว คุณแม่ก็พาลูกรักเข้าครัวไปสนุกและเลอะเทอะกันให้เด็กที่ได้เลยค่ะ หรือถ้าอยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ครัวนอกบ้านดูบ้าง เราก็มีสถาบันที่สอนทำอาหารเด็กมาแนะนำกันด้วยค่ะ

a little something

โรงเรียนสอนทำอาหารที่มีเมนูสุดน่ารักให้เด็กๆ ได้ลงมือทำ ในบรรยากาศโรงเรียนที่สดใส อุปกรณ์ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายกับเด็กๆ มีเมนูคาวหวานสลับกันไปให้เด็กๆ ได้ลองทำ แถมห่อกลับบ้านไปให้คุณพ่อคุณแม่ชิมฝีมือได้ด้วย FB: A Little Something

Chefu Town

สตูดิโอสอนทำอาหารสำหรับเด็ก โดยเชฟฟิน - สุภรดี ศิวพรพิทักษ์ ที่มุ่งพัฒนาสมองทั้งสองซีกของเด็กน้อยผ่านการทำอาหาร โดยได้นำวิธีการจดจำด้วยภาพ และ Mind Mapping แบบญี่ปุ่นมาใช้ในการสอนFB: Chefu Town

ABC Cooking Studio

สตูดิโอสอนทำอาหารชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ที่ขยายสาขาไปทั่วโลกกว่า 15 สาขา รวมถึงในประเทศไทย ด้วยความเชื่อที่ว่าการทำอาหารด้วยตัวเองนั้น ทั้งสนุกและช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในชีวิต เด็กๆ จะได้เรียนรู้การทำอาหารหลากหลาย ในบรรยากาศสตูดิโอแบบมืออาชีพ ที่มีอุปกรณ์ครบครันและสวยงามFB: ABC Cooking Studio

Play Chef

สถาบันสอนทำอาหารสำหรับเด็ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ ผ่านการสัมผัสและปฏิบัติจริง เด็กๆ นักทำครัวจะได้เรียนและเล่นผ่านกระบวนการเตรียมและประกอบอาหาร ในบรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเองFB: Play Chef

Le Cordon Bleu Dusit Culinary School

เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต สถาบันสอนการทำอาหารระดับโลก ก็มีหลักสูตรหนูน้อยเข้าครัว ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การทำอาหารกับเชฟมืออาชีพ ในบรรยากาศการเรียนการสอนที่สนุกสนาน และยังได้ฝึกภาษาไปในตัว เพราะเชฟชาวต่างชาติจะสอนเป็นภาษาอังกฤษ (แต่มีการแปลไทยให้ เพื่อให้เด็กๆ เข้าใจมากขึ้น)FB: Le Cordon Bleu Dusit Culinary School

ก็ไม่แน่นะคะว่า รายการ Master Chef Junior ซีซันหน้า อาจจะมีเชฟตัวน้อยของคุณแม่ ไปเข้าแข่งขัน และประสบความสำเร็จในรายการก็เป็นได้ เพราะหน้าที่ของแม่อย่างเรา ก็คือการส่งเสริมให้ลูกได้ลงมือทดลอง เพื่อค้นหาสิ่งที่เขาชอบ และผลักดันให้เขาเติบโตในเส้นทางนั้นอย่างถึงที่สุดใช่ไหมล่ะคะ