ข้ามไปที่เนื้อหา
Çocuklar için 3 Farklı Eğlenceli Kesme Yapıştırma Etkinliği

ปล่อยให้ลูกเรียนรู้การช่วยเหลือตัวเอง

การที่เด็กได้เรียนรู้การช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เนินๆสามารถช่วยส่งเสริมศักยภาพให้เขาอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างราบรื่น ไปดูกันดีกว่าว่าจะทำยังไงดี

เชื่อว่าแม่ทุกคนที่มีลูกสาว ลูกชายตัวน้อย จะมีความสุขกับการแต่งตัวให้กับลูกมาก ยิ่งเป็นลูกคนแรกด้วยละก็ จะเห่อมาก ไม่ว่าจะเห็นอะไรจะดูน่ารักน่าซื้อไปซะหมด พอมีลูกแล้วเวลาไปเดินห้าง หรือไปช้อปปิ้ง แทบไม่มองไม่ซื้ออะไรที่เป็นของตัวเองเลย เห็นเสื้อผ้า ของใช้ของลูกเป็นไม่ได้ พุ่งเข้าไปดู แล้วก็จะต้องมีติดไม้ติดมือมาตลอด   ยิ่งแม่ที่มีลูกสาวด้วยนะ เสื้อผ้าเด็กผู้หญิงนี่มีให้เลือกเยอะจริงๆ เสื้อแขนสั้น แขนยาว แขนกุด สายเดี่ยว เสื้อกล้าม เอวลอย เดรส จั๊มสูท กางเกง กระโปรง เลคกิ้ง ถุงน่อง ถุงเท้า รองเท้า ที่คาดผม กิ๊บติดผม หมวก ซื้อไปซื้อมาล้นตู้ออกมา แทบไม่มีที่เก็บกันเลย  

จำได้ว่าในช่วงวัยแรกเกิดถึงประมาณ 3 ขวบ ถึง 3 ขวบ เราจะสนุกกับการแต่งตัวลูกสาวมาก จะเทศกาล หรือไม่เทศกาล อยู่บ้านว่างๆ ก็จับลูกสาวแต่งตัวถ่ายรูป ออกนอกบ้านทีแต่งตัวจัดเต็ม ทั้งชุด ทั้งพร็อบ ถุงน่อง รองเท้า ครบ พอคนมาชมมาทักว่าน่ารักเหมือนตุ๊กตา ปลื้มอกปลื้มใจมากเลย   พอเข้า 3 ขวบ เริ่มรู้จักสี รู้จักตัวการ์ตูน เริ่มบอกได้ว่าชอบสีอะไร ชอบการ์ตูนตัวไหน ก็จะมีบอกว่าอยากได้ชุดเจ้าหญิง ชุดนอนเจ้าหญิง เสื้อที่มีรูปเจ้าหญิง รองเท้าเจ้าหญิง ชอบใส่กระโปรงฟูๆ บานๆ เวลาหมุนตัวแล้วผ้ามันพลิ้วดูเป็นเจ้าหญิงดี แต่ถึงจะบอกได้ว่าชอบสีอะไร ชอบการ์ตูนอะไร แต่เวลาจะออกนอกบ้านไปไหนมาไหน แม่จับแต่งตัวแบบไหนก็ยังปล่อยให้เป็นหน้าที่แม่อยู่ ไม่ได้ขัดใจอะไร ยิ่งถ้าตอนแต่งตัวเสร็จแล้วเราบอกว่าหนูใส่ชุดนี้น่ารักจัง เหมือนเจ้าหญิงเลย ยิ่งชอบใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  

ช่วงอายุ 3-4 ขวบ เริ่มเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาล คุณครูเริ่มสอนให้รู้จักช่วยตัวเองในการทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การติดกระดุมเสื้อ การใส่ถุงเท้า รองเท้าเอง และการบอกความต้องการของตัวเองให้กับคุณครู และพ่อแม่ เริ่มมีสังคม เรียนรู้ว่าเพื่อนคนไหนชอบอะไร ก็มีพูดถึง และชอบตามเพื่อน   การแต่งตัวก็เหมือนกัน เริ่มบอกว่าหนูชอบกระโปรงตัวนี้ หนูอยากใส่เสื้อตัวนี้ หนูชอบชุดสีนี้ หนูอยากใส่ชุดนี้ แต่บางครั้งการเป็นแม่ลูกสองจะออกจากบ้านที ต้องแต่งตัวให้ทั้งลูกสาวลูกชาย ก็จะรีบๆ หยิบๆ มาแล้วใส่ให้เลย ไม่ค่อยมีเวลามาให้เค้าได้เลือกเอง หรือบางครั้งก็จะหยิบชุดมา 3-4 ชุดให้เค้าเลือกว่าอยากใส่ชุดไหน ไม่ค่อยมีเวลาให้เค้าได้เลือกเองซักเท่าไหร่  

พอใกล้ 5 ขวบ ก็เริ่มมีความรู้สึกถึงสิ่งสวยงามตามธรรมชาติของเด็กผู้หญิง เวลาเรียกมาแต่งตัวจะขอเลือกเสื้อผ้าเอง ขอขอใส่เสื้อผ้าเอง ขอทำเองทุกอย่าง อยากทาเล็บสีสวย ทาแป้งให้หน้าขาว ทาโลชั่นที่มีกลิ่นหอมๆ เห็นแม่แต่งหน้า ทาลิปสติก ก็มายืนดู และขอให้แม่แต่งให้บ้าง เห็นแม่ใส่ชุดไหนแล้วสวย ก็จะคอยถามว่าชุดที่แม่ใส่ มีเป็นชุดเด็กไม๊ มามิอยากได้ ตัวแม่เองเวลาเห็นมีชุดแม่ลูกขายก็จะซื้อมาใส่ด้วยกัน วันไหนได้ใส่ชุดเหมือนแม่มามิจะมีความสุขมาก จริงๆ ไม่ใช่แค่กับแม่เท่านั้น ถ้าได้ใส่เสื้อเหมือนน้อง หรือสีเดียว ลายเดียวกับน้องก็จะดีใจมากยิ่งใส่เสื้อเหมือนกันเป็นครอบครัวมามิก็จะดีใจเป็นพิเศษ  

ตอนนี้เรียนชั้นอนุบาล 2 แล้ว ที่โรงเรียนคุณครูก็จะให้ช่วยเหลือตัวเองแทบทุกอย่าง โดยที่มีครูคอยดูแลและสังเกตุการณ์อยู่ใกล้ๆ เมื่อคนเป็นแม่อย่างเรารู้ว่า ลูกถึงวัยที่พร้อมช่วยเหลือตัวเอง ได้ บอกความต้องการของตัวเองได้ มีลักษณะนิสัย และความชอบส่วนตัวในการเลือกสิ่งของของใช้ เสื้อผ้า ทุกวันนี้เวลาจะออกนอกบ้านถ้าแค่ไปซื้อของที่ห้าง ไปทานข้าวบ้านอาม่า แม่มักจะเผื่อเวลาไว้เยอะๆ หน่อย อาบน้ำให้เค้าเสร็จ เปิดตู้เสื้อผ้าให้แล้วบอกว่า “วันนี้แม่ตามใจ มามิอยากใส่ชุดไหนแม่ให้เลือกเอง เลือกชุดไหนมาแม่ให้ใส่ได้เลย” เค้าจะดูกระตือรือร้น และมีความสุขเป็นพิเศษ มุดหายเข้าไปในตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อ กระโปรง หรือกางเกงตัวที่เราแทบไม่หยิบมาให้ แต่มันก็เข้ากันได้ดี เดินไปหยิบกิ๊บติดผม ที่คาดผม แถมเลือกรองเท้า ได้เข้ากันกับชุดด้วยนะ ทำให้แม่ได้รู้ว่ามามิจับคู่สีได้เก่งเหมือนกัน ใส่ออกบ้านไปเดินไหนไม่อายใคร แถมหนูยังภูมิใจเอามากๆ ด้วยที่ได้เลือกเอง  

สองชุดนี้ให้เลือกเองโดยมีแม่คอยแนะนำนิดหน่อย

บางครั้งเราออกนอกบ้านไปงานบ้าง ไปเที่ยวบ้าง ไปทะเลบ้าง ก็จะคอยบอกเค้าว่าเราจะไปไหน เค้าจะได้เลือกเสื้อผ้าได้ถูก หรือถ้าหยิบชุดมาแล้วเราเห็นว่ามันไม่เหมาะกับสถานที่ที่เราจะไป เช่น จะต้องไปสถานที่ที่มีอากาศหนาว มีแอร์เย็นๆ ก็จะแนะนำเค้าว่าแม่อยากให้เลือกเป็นเสื้อแขนยาว หรือกางเกงขายาว หรือชุดที่เป็นผ้าหนาๆ หน่อย หรือถ้าจะไปเที่ยวทะเล หรือที่ที่อากาศร้อนๆ ก็จะแนะนำว่า ให้เลือกเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส ไม่หนาใส่สบาย บางครั้งเค้ายืนยันว่าจะใส่ชุดนี้ให้ได้ แล้วเราเห็นว่ามันไม่เหมาะกับสถานที่ที่เราจะไปจริงๆ พอบอกเหตุผลเค้าไป ว่าทำไมถึงใส่ชุดนี้ไปไม่ได้เค้าก็ฟังและทำตามโดยไม่มีอาการขัดใจใดๆ   อย่างไรก็ตาม แม่แหม่มคิดว่าการให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตัวเอง ก็เป็นการฝึกให้ลูกเรียนรู้และ พัฒนาตัวเอง การฝึกให้ลูกแต่งตัว เลือกเสื้อผ้าเอง ทำให้เค้ารู้จักเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก ทั้งยังทำให้เราได้เรียนรู้ว่าลูกมีความชอบแบบไหน และมีทักษะในการจับคู่สีเป็นหรือไม่อย่างไร ถ้าเค้าทำได้ดีก็ชื่นชมเค้า แล้วเค้าก็จะรู้สึกภูมิใจมากๆ ด้วยค่ะที่ได้ทำอะไรด้วยตัวเอง  

สองชุดนี้แม่ตามใจให้มามิเลือกเองตั้งแต่หัวจรดเท้า เข้ากันไม๊คะ